ฟุตบอลคาราบาว คัพ
รอบชิงชนะเลิศ
เชลซี 0 – ลิเวอร์พูล 0
(ต่อเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0)
สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
เริ่มเกมมา ลิเวอร์พูล ทำได้ดีเลย โดยเฉพาะเกมบีบเพรสซิ่งทำให้ เชลซี เล่นได้ไม่ถนัด นาทีที่ 14 โคดี้ กัคโป ไปขโมยบอลมาจาก อักเซล ดิซาซี่ ที่ลื่น ก่อนไหลย้อนมาให้ หลุยส์ ดิอาซ ลากตัดมายิงด้วยขวาในเขตโทษด้านซ้าย แต่ จอร์เจ เปโตรวิช ยังเซฟไว้ได้
นาทีที่ 20 เชลซี ไม่ได้ประตูนำอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อบอลมาถึง สเตอร์ลิง กำลังจะได้ยิงในเขตโทษ แต่ แบรดลี่ย์ แซะออกมาเข้าทาง โคล พาลเมอร์ ได้วิ่งมายิงจ่อๆ หน้าประตู แต่ ควีวิน เคลเลเฮอร์ พุ่งกางแขนไปซูเปอร์เซฟได้แบบสุดยอด นิโกลัส แจ็คสัน พยายามยิงซ้ำก็ติดบล็อค วาตารุ เอ็นโด
หงส์แดง เจอปัญหาบาดเจ็บอีกแล้ว เมื่อ ไรอัน กราเฟนแบร์ค ไปโดน มอยเสส ไกเซโด้ ย่ำหนักที่ข้อเท้า สุดท้ายเล่นต่อไม่ไหวลงเปลออกจากสนาม ต้องเปลี่ยนเอา โจ โกเมซ ลงมาแทน
จากนั้น เชลซี ก็ครองบอลบุกได้ดี นาทีที่ 32 ก็มาส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้ เมื่อ แจ็คสัน หลุดมาทางขวาก่อนปาดไปเสาไกลให้ สเตอร์ลิง ยิงเข้าไป ทว่าเป็นการล้ำหน้าตั้งแต่จังหวะวิ่งของ แจ็คสัน แล้ว
นาทีที่ 40 ลิเวอร์พูล ก็มีโอกาสนำเหมือนกัน แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ครอสจากฝั่งซ้ายไปให้ โคดี้ กัคโป เทกตัวโหม่งเช็ดไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
หงส์แดง มีลุ้นอีกครั้งในนาทีที่ 45 เมื่อ ดิอาซ จ่ายไปให้ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ ได้จับก่อนซัดในเขตโทษ แต่ไปติดบล็อค โคลวิลล์ ที่ยืนขวางอยู่หน้าประตู
หมดครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลัง นาทีที่ 47 ลิเวอร์พูล มีโอกาสจากการเก็บตกลูกเตะมุม กัคโป เกี่ยวไม่อยู่ แต่ไปเข้าทางปืน เอ็นโด วอลเลย์ด้วยขวาหลุดกรอบออกไป
แต่ เชลซี เองก็เกือบได้เหมือนกันในนาทีที่ 52 เมื่อ กัลลาเกอร์ ไหลให้ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ได้พิงในเขตโทษแล้วพยายามตอกส้น แต่โดนไม่ดีทำให้บอลไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 58 ลิเวอร์พูล มีลุ้น เมื่อ กัคโป เปิดจากฝั่งซ้ายมาเสาไกลให้ เอลเลียตต์ ได้วอลเลย์ด้วยเท้าซ้าย บอลกระดอนพื้นไปถูก เปโตรวิช บินปัดทิ้้งได้
นาทีที่ 60 ลิเวอร์พูล มาส่งบอลซุกก้นตาข่ายได้บ้าง เมื่อ โรเบิร์ตสัน เปิดฟรีคิกให้ ฟาน ไดค์ โหม่งเข้าประตูไป แต่มีการเช็กวีเออาร์แล้วให้เป็นการล้ำหน้าของ เอ็นโด ที่ไปยืนขวางทาง โคลวิลล์
เชลซี น่าขึ้นนำเหลือเกินในนาทีที่ 76 โคล พาลเมอร์ เลี้ยงมาทางขวาก่อนจ่ายเข้ากลางให้ กัลลาเกอร์ ตวัดยิงตามน้ำไปชนเสาไกลอย่างจัง
นาทีที่ 85 เชลซี มีโอกาสน็อค เมื่อ พาลเมอร์ จ่ายเข้าช่องให้ กัลลาเกอร์ ได้หลุดเดี่ยวไปแตะแล้วยิง แต่ติดเซฟ เคลเลเฮอร์ ที่ออกมาปิดมุมบล็อคได้เร็ว
ช่วงทดเจ็บ เชลซี มีโอกาสทองอีกคร้ัง เมื่อ คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู ได้ทะลุขึ้นมาแล้วโดนชะลอโดย โกนาเต้ บอลไปเข้าทาง พาลเมอร์ ยิงติดเซฟ เคลเลเฮอร์ บอลยังชุลมุนในเขตโทษ สุดท้าย เอ็นกุนกู ได้ยิงอีกทีก็ไปตรงตัวเข้ามือ เคลเลเฮอร์ อีกครั้ง
จบ 90 นาที ยังคงเสมอกัน 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป
ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 90+4 ลิเวอร์พูล มีโอกาส เมื่อ ฟาน ไดค์ โหม่งตั้งไปให้ เจย์เดน แดนน์ส โขกต่อจะเสียบใต้คาน แต่ เปโตรวิช ยังปัดออกหลังไปได้
นาทีที่ 115 หงส์แดง น่าออกนำเหลือเกิน เมื่อ คอสตาส ซิมิกาส ตั้งป้อมครอสจากฝั่งซ้ายไปให้ เอลเลียตต์ ได้โหม่งมุมแคบที่เสาไกล แต่ เปโตรวิช ก็ยังใช้ขาเซฟได้สุดยอด
กระทั่งนาทีที่ 118 ประตูแรกของเกมก็เกิดขึ้น จากลูกเตะมุมฝั่งขวา ซิมิกาส เปิดไปเสาแรกให้ ฟาน ไดค์ โฉบตัดหน้า มูดริค มาโหม่งตุงตาข่ายไม่เหลือ
จบ 120 นาที ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี 1-0 คว้าแชมป์ลีก คัพ เป็นสมัยที่ 10 และเป็นการคว้าแชมป์ถ้วยแรกที่ได้ลุ้นส่งท้ายก่อนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะลงจากตำแหน่ง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี : จอร์เจ เปโตรวิช – มาโล กุสโต้, อักเซล ดิซาซี่, ลีวาย โคลวิลล์, เบน ชิลเวลล์ – มอยเสส ไกเซโด้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ – โคล พาลเมอร์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, ราฮีม สเตอร์ลิง – นิโกลัส แจ็คสัน
ลิเวอร์พูล : ควีวิน เคลเลเฮอร์ – คอเนอร์ แบรดลี่ย์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน – อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, วาตารุ เอ็นโด, ไรอัน กราเฟนแบร์ค – ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, โคดี้ กัคโป, หลุยส์ ดิอาซ
